หลายคนคงเคยรู้จักพืชกระท่อมในนามของหนึ่งในยาเสพติดที่ให้โทษต่อร่างกาย เป็นยาเสพติดต้องห้ามที่ไม่ถูกกฎหมาย และหากใครเสพหรือขายจำเป็นต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้
กระท่อม (Kratom) ได้ปลดล็อคจาก พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 โดยคุณสมบัติของกระท่อมในทางการแพทย์นั้นมีมากมาย ซึ่งสารสำคัญที่เป็นหัวใจหลักคือ "Mitragynine" (ไมทราไจนีน) เป็นสารในกลุ่มอินโดแอลคาลอยด์ ที่สกัดได้เฉพาะจากพืชกระท่อมเท่านั้น
ประชาชนสามารถที่จะปลูกและบริโภคกระท่อมตามวิถีของชาวบ้าน หรือการซื้อขายใบกระท่อมได้โดยไม่ผิดกฎหมาย เนื่องมาจากพืชชนิดนี้ถูกถอดให้ออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษแล้ว รวมถึงหากใครเคยมีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม ก็จะถือว่าไม่เคยทำความผิดมาก่อนด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ที่ได้รับโทษมาก่อน กรมราชทัณฑ์ก็จะปล่อยตัวผู้เคยกระทำผิดให้พ้นโทษ เพื่อคืนอิสรภาพให้กลับคืนมาอีกครั้ง แต่การที่นำพืชกระท่อมไปผสมทำยา 4×100 หรือน้ำกระท่อม โค๊กและยาแก้ไอ ยังถือว่าผิดกฎหมายอยู่
ซึ่งก่อนหน้านี้เอง พืชที่เคยเป็นพืชสารเสพติดอย่างกัญชาและกัญชง ก็เพิ่งถูกปลดล็อคจาก พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดทุกส่วน)
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ความได้เปรียบของสภาพอากาศและภูมิประเทศของไทยเรา ก็เอื้ออำนวยต่อการปลูกพืชกระท่อมมากที่สุด (คู่ขนานมากับมาเลเซียและอินโดนีเซีย)
สภาพแวดล้อมที่เหมะสมสำหรับการปลูกกระท่อม (Kratom)
ทั้งนี้ ในสมัยโบราณก็มีการนำใบกระท่อมไทย (Thai Kratom) มาใช้ในการรักษาโรคหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การรักษาการติดเชื้อในลำไส้ ช่วยแก้อาการท้องเสียหรือท้องร่วง รวมไปถึงช่วยลดความรู้สึกเมื่อยล้าขณะทำงาน ทำให้สามารถทำงานได้นานและทนมากขึ้น เป็นที่นิยมของกลุ่มผู้ใช้แรงงานและเกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะการใช้ใบกระท่อมจะช่วยให้สามารถทำงานทนตากแดดอยู่กลางแจ้งได้เป็นเวลานานโดยไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะกระท่อมสามารถกดความรู้สึกเหนื่อยและเพิ่มระยะเวลาในการทำงานให้ยาวมากขึ้นได้
กระท่อมในประเทศไทย (Thai Kratom) มีการนำมาใช้เป็นยาแก้โรคทางเดินอาหาร บางพื้นที่นำไปใช้เพื่อบรรเทาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยกระตุ้นการดึงน้ำตาลจากกระแสเลือด เข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงานทันที หรือเรียกได้ว่าเป็น “Pro-long Energy” ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะ และทำให้ลดความอยากอาหาร
โดยจากการศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่า สารที่อยู่ในกระท่อมโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นสารกลุ่มอัลคาลอยด์ ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ในเชิงเภสัชวิทยาต่อหลายระบบ และถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคอย่างกว้างขวาง
สารสำคัญในกระท่อม คือ ไมทราไจนีน (mitragynine) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยออกฤทธิ์บรรเทาอาการปวดและต้านการอักเสบ ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งสาร คือ 7-hydroxymitragynine (7-HMG) ที่มีฤทธิ์ในการระงับปวดคล้ายๆกับมอร์ฟีน แต่มีความแรงที่น้อยกว่า และไม่กดระบบทางเดินหายใจ จึงทำให้ไม่เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
พืชกระท่อมหากใช้น้อยมีฤทธิ์กระตุ้นประสาท แต่หากคุณใช้ในปริมาณสูง อาจจะทำให้เกิดอาการเสพติด ท้องผูก นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน ยิ่งหากบางรายเสพติดมากๆจะอาจเกิดเป็นอาการแขนกระตุก ซึมเศร้า ก้าวร้าว หรือมีอาการทางจิตได้เลย กรณีน้ำต้มใบกระท่อมนั้นจะมีความเข้มข้นของไมทราไจนีนสูง เพราะมักใช้ใบจำนวนมาก ทำให้สกัดสารออกมาได้มาก จึงมีฤทธิ์กดประสาทได้พอสมควร และอาจเป็นอันตรายได้ โดยเฉพาะนำไปผสมยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และหากเกิดการเสพติดแล้วอาการถอนจะเหมือนติดฝิ่น เฮโรอีน เช่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก คลื่นไส้อาเจียน แต่อาจจะไม่ทุกข์ทรมานเท่า แต่ก็ต้องยอมรับว่า เลิกได้ยากเช่นกัน ต้องให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวด ยาบรรเทาอาการกระสับกระส่าย ยาช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ เป็นต้น
แม้ว่าในปัจจุบันพืชกระท่อมจะกลายเป็นพืชที่ได้รับการอนุญาตในประเทศไทยแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าพืชชนิดนี้ยังคงมีทั้งคุณและโทษที่จำเป็นจะต้องเรียนรู้วิธีการในการใช้ให้ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่ถูกต้องและแท้จริง และไม่เป็นการเสพติดจนกลายเป็นเหตุร้ายที่รุนแรงต่อร่างกายและสุขภาพได้
ไทยกระท่อมช็อป 19 ก.ย. 2566
หากมีข้อสงสัยหรือคำถาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่...
Line Official id.: @Kratom
Messenger: m.me/ThaiKratomShop
Facebook: fb.me/ThaiKratomShop
www.instagram.com/ThaiKratomShop
Youtube.com/KratomShop
Email : ThaiKratomShop@gmail.com
www.ThaiKratomShop.com